ธุรกิจเสี่ยงฟอกเงินหรือไม่? เปิดเครือข่ายบริษัทให้เห็นชัด
- Phannita Yoddamnoen
- 30 พ.ย.
- ยาว 1 นาที

หลังข่าว ปปง. ยึดทรัพย์เครือข่าย “เฉิน จื้อ – ก๊ก อาน – เบน สมิธ” มูลค่ากว่าหมื่นล้าน สังคมธุรกิจไทยกำลังตื่นตัวครั้งใหญ่กับคำถามสำคัญ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าธุรกิจที่เราเกี่ยวข้องไม่ได้เชื่อมโยงกับเครือข่ายฟอกเงินแบบไม่รู้ตัว ?
เพราะวันนี้ รูปแบบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติไม่ได้อยู่ไกลตัวอีกต่อไป พวกเขาแฝงตัวผ่านบริษัทหลายชั้น ผู้ถือหุ้นซ้อนกัน กรรมการร่วม นอมีนี และเงินทุนจีนเทาที่ถูกจัดวางอย่างแนบเนียนอยู่ในโครงสร้างที่ดู “ถูกต้องตามเอกสารทุกอย่าง” แต่เบื้องหลังกลับซ่อนเส้นทางเงินผิดกฎหมายที่ซับซ้อน ไม่ต่างจากเครือข่ายที่เพิ่งถูกจับครั้งใหญ่
ยิ่งอาศัยข้อมูลพื้นฐานหรือเอกสารสาธารณะเพียงอย่างเดียว ยิ่งเสี่ยงมองไม่เห็นความจริง เพราะความเสี่ยงฟอกเงิน ไม่ได้อยู่ในบริษัทเดียว แต่อยู่ในเครือข่ายทั้งหมดที่เชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ธุรกิจพันธมิตร กิจการร่วมค้า ไปจนถึงบริษัทที่ดูโปร่งใส แต่มีความสัมพันธ์เบื้องหลังที่เราไม่เคยรู้ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ธุรกิจที่คิดว่าปลอดภัยอาจกลายเป็นประตูเปิดให้การฟอกเงิน ปัญหากฎหมาย ความเสียหายต่อชื่อเสียง และความไม่มั่นใจจากคู่ค้าเข้ามาโดยไม่รู้ตัว หากมองข้ามความเชื่อมโยงเหล่านี้ตั้งแต่แรก
ดังนั้น หากคุณต้องการปกป้ององค์กรจากความเสี่ยงอย่างแท้จริง คุณต้องเริ่มจากการ “มองเห็นทุกเส้นใยของเครือข่ายธุรกิจ” ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น กรรมการ นอมีนี หรือกิจการที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด และประเมินความโปร่งใสของความสัมพันธ์เหล่านั้นในมุมมองเชิงเครือข่าย ไม่ใช่แค่รายชื่อบนกระดาษ
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจฟอกเงินคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณจะป้องกันไม่ให้ธุรกิจตกอยู่ในเครือข่ายความเสี่ยงแบบเดียวกับข่าวที่เพิ่งถูกเปิดโปงนี้ได้อย่างไร
ฟอกเงิน คืออะไร
ฟอกเงิน คือ กระบวนการนำเงินที่ได้มาจากกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การค้ามนุษย์ การฉ้อโกงออนไลน์ การทุจริตคอร์รัปชัน หรือการฉ้อโกงทางการเงิน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจปกติเพื่อให้ดูเหมือนว่าเงินนั้นมาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย กระบวนการนี้มักผ่าน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การนำเงินเข้าสู่ระบบ การปกปิดที่มาของเงิน และการนำเงินกลับมาใช้ในรูปแบบที่ดูสะอาด
ข่าวล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติสามารถใช้ธุรกิจข้ามพรมแดนและโครงสร้างการถือหุ้นซับซ้อนเป็นช่องทางในการฟอกเงิน ทั้งการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร การลงทุนปลอม หรือการถือครองทรัพย์สินหลายประเภท เช่น ที่ดิน ห้องชุด สินค้าแบรนด์เนม และเงินฝากธนาคาร เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นชัดว่า ธุรกิจที่โครงสร้างไม่โปร่งใส อาจถูกใช้โดยไม่ได้ตั้งใจเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน
การเข้าใจถึงความเสี่ยงนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจของคู่ค้า ลูกค้า และหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในการดำเนินธุรกิจระยะยาว การใช้เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่ช่วย วิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์และเส้นทางเงิน จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
ผู้ถือหุ้น กรรมการร่วม นอมีนี; 3 จุดซ่อนความเสี่ยงฟอกเงิน
หนึ่งในเทคนิคที่ผู้ฟอกเงินนิยมใช้คือ การซ่อนตัวเจ้าของธุรกิจที่แท้จริงผ่านกรรมการร่วมหรือนอมีนี นอมีนีคือบุคคลที่ถูกจดทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการในนามของผู้อื่น แต่ไม่ใช่เจ้าของหรือผู้มีอำนาจจริง การใช้นอมีนีทำให้การติดตาม Ultimate Beneficial Owner (UBO) หรือเจ้าของธุรกิจที่แท้จริง เป็นไปได้ยากมาก
กรรมการร่วมหรือผู้ถือหุ้นที่เชื่อมโยงกันในหลายบริษัท ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญ เมื่อบุคคลคนเดียวกันปรากฏชื่อเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นในหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นสัญญาณว่ามีการสร้างเครือข่ายเพื่อปกปิดตัวตนของเจ้าของ หรือกระจายความเสี่ยงจากการตรวจสอบทางการเงิน
จากข่าวเครือข่าย “เบน สมิธ” จากรายงานของสำนักงาน ปปง. สะท้อนให้เห็นว่าเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติสามารถใช้โครงสร้างการถือหุ้นซับซ้อนและนอมีนี เป็นช่องทางในการฟอกเงินและโอนเงินข้ามประเทศ โดยทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องถูกยึดครอบคลุมตั้งแต่ ที่ดิน ห้องชุด เงินฝากธนาคาร และสินค้าหรู
ลองจินตนาการถึงโครงสร้างแบบนี้ บริษัท A ในประเทศไทยมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นบริษัท B จดทะเบียนในต่างประเทศ เช่น หมู่เกาะเคย์แมน บริษัท B ถูกถือหุ้นโดยบริษัท C ในฮ่องกง และบริษัท C ก็มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัท D อีกที ในแต่ละชั้นของโครงสร้างนี้อาจมีการใช้นอมีนีเป็นกรรมการ ทำให้การตรวจสอบว่าใครคือเจ้าของธุรกิจที่แท้จริงกลายเป็นเรื่องซับซ้อน
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความไม่โปร่งใสในโครงสร้างธุรกิจ ไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงด้านกฎหมาย แต่ยังเป็นช่องทางให้เงินที่มาจากกิจกรรมผิดกฎหมายหลุดรอดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ ดังนั้นการใช้เครื่องมือวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์และเส้นทางการเงิน จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลดความเสี่ยงฟอกเงิน และรักษาความน่าเชื่อถือของธุรกิจ

สัญญาณเตือนธุรกิจเสี่ยงฟอกเงิน มีอะไรบ้าง
การระบุสัญญาณเตือนธุรกิจที่อาจเสี่ยงต่อการฟอกเงิน เป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และเจ้าหน้าที่ความเสี่ยง การเฝ้าระวังตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและทางการเงินได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาร้ายแรง
1.โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ซับซ้อนและไม่โปร่งใส
สัญญาณแรกที่ควรให้ความสนใจคือ โครงสร้างการถือหุ้นที่มีความซับซ้อนเกินความจำเป็น เมื่อบริษัทมีการถือหุ้นที่ผ่านหลายชั้นของนิติบุคคล โดยเฉพาะเมื่อมีบริษัทที่จดทะเบียนในดินแดนที่เป็นสวรรค์ภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น หมู่เกาะเวอร์จิน หมู่เกาะเคย์แมน ปานามา หรือเบลีซ โดยไม่มีเหตุผลทางธุรกิจที่ชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ
โครงสร้างแบบนี้มักถูกออกแบบมาเพื่อปกปิดผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง ทำให้การติดตามเส้นทางของเงินทุนเป็นไปได้ยาก ตัวอย่างเช่น บริษัทในไทยอาจถูกถือหุ้นโดยบริษัทในสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทในสิงคโปร์ก็ถูกถือหุ้นโดยบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน และบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมนก็ถูกถือหุ้นโดยกองทรัสต์ที่ไม่เปิดเผยข้อมูล การซ้อนทับกันหลายชั้นแบบนี้ทำให้ยากต่อการหาคำตอบว่า ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจริง ๆ
2.กรรมการร่วมหรือผู้ถือหุ้นที่ระบุตัวตนไม่ได้
สัญญาณที่สองที่เป็นข้อน่าสงสัยคือ การมีกรรมการหรือผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน บุคคลเหล่านี้มักมีลักษณะที่น่าสงสัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอให้ตรวจสอบ ไม่มีประวัติการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน หรือไม่มีการปรากฏตัวจริงในการประชุมหรือการดำเนินงานของบริษัท
อีกรูปแบบหนึ่งที่พบบ่อยคือ การใช้นอมีนี (Nominee) ที่ชื่อซ้ำกันในหลายบริษัท บุคคลเหล่านี้อาจเป็นกรรมการในบริษัทนับสิบหรือนับร้อยบริษัท โดยที่ธุรกิจของแต่ละบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย นอมีนีเหล่านี้มักเป็นเพียงชื่อที่ถูกนำมาใช้เพื่อปกปิดผู้มีอำนาจจริง พวกเขาอาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกจดทะเบียนเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้น หรือในบางกรณีอาจเป็นผู้ที่รับเงินค่าจ้างเพื่อให้ใช้ชื่อโดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการจริง
3.เงินทุนจากต่างประเทศที่ตรวจสอบยาก
สัญญาณที่สามและอาจเป็นสัญญาณที่อันตรายที่สุดคือ เงินทุนจากต่างประเทศที่มีที่มาไม่ชัดเจน โดยเฉพาะทุนจีนเทา ซึ่งเป็นเงินทุนที่ถูกโอนออกจากจีนแผ่นดินใหญ่โดยผิดกฎหมาย เงินทุนประเภทนี้มักมาพร้อมกับสัญญาณเตือนหลายประการ เช่น การเสนอราคาหรือเงื่อนไขที่ดูดีเกินจริงเมื่อเทียบกับมาตรฐานตลาด การไม่ชัดเจนในแหล่งที่มาของเงินทุน หรือความรีบร้อนในการปิดดีลโดยไม่ยอมให้มีกระบวนการตรวจสอบสถานะทางการเงินที่เหมาะสม
เงินทุนเหล่านี้มักถูกโอนผ่านเส้นทางที่ซับซ้อน ผ่านหลายบัญชีธนาคารในหลายประเทศ ก่อนที่จะมาถึงปลายทาง การโอนเงินอาจผ่านประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเงิน เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือดูไบ จากนั้นอาจถูกแยกเป็นจำนวนเล็ก ๆ หลายรายการ เพื่อหลีกเลี่ยงระบบตรวจจับของธนาคาร วิธีการเหล่านี้ทำให้การติดตามแหล่งที่มาที่แท้จริงของเงินทุนเป็นไปได้ยากมาก
4.สัญญาณเสริมอื่นๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
นอกจากสัญญาณหลักทั้งสามข้อแล้ว ยังมีสัญญาณเสริมอื่น ๆ ที่ควรให้ความระมัดระวัง การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลทางธุรกิจที่สมเหตุสมผลอาจบ่งบอกถึงความพยายามในการปกปิดความเชื่อมโยงหรือหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
การทำธุรกรรมทางการเงินที่มีมูลค่าสูงแต่ไม่สอดคล้องกับลักษณะหรือขนาดของธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณ ตัวอย่างเช่น ร้านขายของชำขนาดเล็กที่มีการหมุนเวียนเงินสดหลายสิบล้านบาทต่อเดือน หรือบริษัทที่ไม่เคยส่งออกมาก่อนแต่กลับมีการโอนเงินระหว่างประเทศเป็นประจำ
การมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเรื่องการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้ายก็เป็นสัญญาณที่ต้องพิจารณา องค์กร Financial Action Task Force (FATF) มีรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หากพบว่าธุรกิจมีการติดต่อค้าขายกับบริษัทในประเทศเหล่านี้โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ควรตรวจสอบอย่างละเอียดยิ่งขึ้น

วิธีตรวจสอบเครือข่ายบริษัทอย่างชัดเจน
การตรวจสอบเครือข่ายธุรกิจซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม ในยุคดิจิทัลปัจจุบันมีทางเลือกหลากหลายที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของโครงสร้างธุรกิจและเส้นทางเงินทุนได้ชัดเจนขึ้น การรู้จักใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ผู้ถือหุ้น กรรมการร่วม นอมีนี (Nominee) และผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (UBO) ลดความเสี่ยงทางการเงิน และป้องกันธุรกิจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินหรือการฉ้อโกงทางธุรกิจ
1. ใช้แพลตฟอร์มตรวจสอบผู้ถือหุ้นและกรรมการ
วิธีแรกและเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญคือ การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มตรวจสอบผู้ถือหุ้นและกรรมการในประเทศไทยฐานข้อมูลหลักที่น่าเชื่อถือคือระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้นหาข้อมูลบริษัทจดทะเบียนได้ ข้อมูลเหล่านี้รวมถึงรายชื่อ ผู้ถือหุ้น กรรมการ ทุนจดทะเบียน และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัท
นอกจากฐานข้อมูลภาครัฐ ยังมีบริการจากภาคเอกชนที่พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงขึ้น บริการเหล่านี้รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นนำมาวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของเครือข่ายธุรกิจซับซ้อน ผลประโยชน์ทับซ้อน และการถือหุ้นแบบนอมีนี (Nominee) และนำเสนอในรูปแบบแผนภาพที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพรวมของโครงสร้างธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณตอบคำถามสำคัญได้ เช่น
ใครคือ ผู้ถือหุ้นและกรรมการร่วม ของบริษัทนี้
บุคคลเหล่านั้นมีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอย่างไร
มีการใช้นอมีนีเพื่อปกปิด Ultimate Beneficial Owner (UBO) หรือไม่
การถือหุ้นหรือการบริหารบริษัทมีสัญญาณ ความเสี่ยงทางการเงินหรือธุรกิจสีเทา หรือไม่
การใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำช่วยให้คุณติดตามการเปลี่ยนแปลง ตรวจพบสัญญาณเตือนธุรกิจเสี่ยงฟอกเงิน ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และป้องกันไม่ให้ธุรกิจถูกใช้เป็นช่องทางของอาชญากรรมข้ามชาติ หรือการฉ้อโกงทางธุรกิจ
2. การวิเคราะห์เครือข่ายองค์กร
วิธีที่สองและมีความลึกซึ้งมากขึ้นคือ การทำ Corporate Network Analysis หรือการวิเคราะห์เครือข่ายองค์กร วิธีนี้ไม่ได้มองเพียงแค่ข้อมูลของบริษัทเดียว แต่จะมองภาพรวมของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทหลายแห่ง ผู้ถือหุ้นหลายราย และกรรมการหลายคนในลักษณะของเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน
การวิเคราะห์แบบนี้ช่วยให้เห็นรูปแบบที่น่าสงสัยที่อาจมองไม่เห็นหากตรวจสอบทีละบริษัท เช่น การพบว่ากรรมการคนเดียวกันปรากฏชื่อในบริษัทนับสิบแห่ง บริษัทที่ถือหุ้นซึ่งกันและกัน (Circular Shareholding) ซึ่งอาจเป็นการสร้างโครงสร้างเพื่อปกปิดความเป็นเจ้าของที่แท้จริง หรือโครงสร้างที่ซับซ้อนเกินความจำเป็นทางธุรกิจ
การวิเคราะห์เครือข่ายองค์กรสามารถทำได้สองวิธี หนึ่งคือการใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่มีอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงและแสดงผลเป็นกราฟเครือข่าย ซอฟต์แวร์เหล่านี้มักมีความสามารถในการระบุกลุ่มหรือคลัสเตอร์ของบริษัทที่เชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้น อีกวิธีหนึ่งคือการว่าจ้างที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบทางการเงินที่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน
3. เช็คความเชื่อมโยงกับทุนจีนเทาและนอมีนี
วิธีที่สามและถือเป็นวิธีที่ท้าทายที่สุดในการลดความเสี่ยงทางการเงินและฟอกเงิน คือ การตรวจสอบความเชื่อมโยงกับทุนจีนเทา หรือผู้ถือหุ้นนอมีนี (Nominee) การตรวจสอบนี้ต้องทำอย่างละเอียด โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลจากต่างประเทศ
คำถามสำคัญที่ต้องหาคำตอบ ได้แก่ บริษัทผู้ถือหุ้นจดทะเบียนที่ไหน และดำเนินธุรกิจอะไรจริง ๆ มีผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้นคือใคร และมีเหตุผลทางธุรกิจที่สมเหตุสมผลหรือไม่ในการลงทุนในธุรกิจของคุณ และเงินทุนมาจากไหน ผ่านเส้นทางใดบ้างก่อนจะมาถึงบริษัทของคุณ
การขุดลึกไปยังแต่ละชั้นของโครงสร้างผู้ถือหุ้นจนถึง Ultimate Beneficial Owner (UBO) เป็นสิ่งจำเป็น อาจต้องติดตามข้อมูลผ่านหลายประเทศและหลายชั้นของนิติบุคคล หากพบว่าโครงสร้างผ่านประเทศสวรรค์ภาษี หรือมีการใช้นอมีนีที่ดูน่าสงสัย ควรขอข้อมูลและคำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
สำหรับทุนจีนเทาโดยเฉพาะ ควรระมัดระวังสัญญาณ เช่น การโอนเงินผ่านหลายบัญชีในหลายประเทศก่อนเข้ามาถึงไทย การใช้บุคคลธรรมดาเป็นช่องทางโอนเงินแทนนิติบุคคล ความเร่งรีบในการปิดดีลโดยไม่ยอมให้มีการตรวจสอบสถานะทางการเงินอย่างละเอียด
การตรวจสอบเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์ผู้ถือหุ้น กรรมการร่วม และเครือข่ายธุรกิจซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่จะถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินหรือการฉ้อโกงทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยทางการเงินของธุรกิจ
4. ใช้บริการ KYC และ Due Diligence
นอกจากวิธีการตรวจสอบทั้งสามข้อแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ การใช้บริการ Know Your Customer (KYC) และ Due Diligence อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง กระบวนการเหล่านี้ไม่ควรทำเพียงครั้งเดียวตอนเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แต่ควรทำการทบทวนเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามความเสี่ยงทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงในผู้ถือหุ้น กรรมการร่วม นอมีนี (Nominee) และเครือข่ายธุรกิจซับซ้อน
การตรวจสอบประวัติของคู่ค้า ผู้ถือหุ้น และกรรมการอย่างละเอียดควรครอบคลุมหลายมิติ ได้แก่ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและการมีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ ตรวจสอบประวัติทางการเงินและธุรกิจเพื่อมองหาสัญญาณธุรกิจสีเทา หรือการฉ้อโกงทางธุรกิจ การตรวจสอบชื่อเสียงทางธุรกิจและความเชื่อมโยงกับบุคคลหรือองค์กรที่มีความเสี่ยงสูง เช็คกับรายชื่อคว่ำบาตรระหว่างประเทศ (Sanctions Lists) และ Politically Exposed Persons (PEPs) ตลอดจนการตรวจสอบฐานข้อมูลข่าวลบและข้อมูลสาธารณะที่เกี่ยวข้อง
ในปัจจุบันมีบริการ KYC และ Due Diligence จากผู้ให้บริการหลายรายที่ใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้กระบวนการตรวจสอบรวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การลงทุนในบริการเหล่านี้ถือเป็นการประกันความเสี่ยงที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากธุรกิจของคุณถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน หรือถูกเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนจีนเทา และการถือหุ้นแบบนอมีนี
ฟีเจอร์ Linkage มองทะลุความซับซ้อนของเครือข่ายธุรกิจ
การทำธุรกิจ ข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขหรือรายชื่อผู้ถือหุ้นอีกต่อไป ความจริงมักซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทที่ค่อย ๆ พันเกี่ยวกันเป็นชั้น ๆ จนยากจะมองเห็นว่าใครเป็นผู้ควบคุมอำนาจแท้จริง หรือทุนใดกำลังไหลผ่านเครือข่ายเหล่านั้น โดยเฉพาะในกรณีของทุนจีนเทา, กิจการร่วมค้า, หรือผู้ถือหุ้นที่ใช้นอมีนี ที่บางครั้งเครือข่ายธุรกิจสามารถซ่อนผลประโยชน์ทับซ้อน และความเสี่ยงฟอกเงินไว้เบื้องหลังได้
ฟีเจอร์ Linkage บน Corpus X ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้ ภายใต้แนวคิด "มองทะลุความซับซ้อน เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่" มันไม่ได้แค่แปลงข้อมูลซับซ้อนให้ดูง่าย แต่ทำให้ผู้ใช้มองเห็นความจริงเบื้องหลังเครือข่ายธุรกิจทุกชั้น เมื่อคุณวิเคราะห์บริษัทหนึ่ง ฟีเจอร์ Linkage จะแสดงให้เห็นว่า
บริษัทนี้เชื่อมโยงกับใครบ้าง ผ่าน ผู้ถือหุ้นร่วม กรรมการร่วม หรือที่อยู่ร่วม
กลุ่มธุรกิจที่แท้จริงซึ่งอาจดูเหมือนแยกกัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งเดียวกัน
โอกาสทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่ เช่น การค้นพบว่าคู่ค้าของคุณมีบริษัทในเครืออื่นๆ ที่สามารถขยายธุรกิจได้
ห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายพันธมิตรทั้งหมดในภาพรวม
เมื่อความเชื่อมโยงทั้งหมดถูกเปิดเผย คุณสามารถประเมินความเสี่ยงธุรกิจได้อย่างแม่นยำ เพราะความเสี่ยงไม่เคยอยู่เพียงในบริษัทเดียว แต่ซ่อนอยู่ในเครือข่ายธุรกิจทั้งหมดที่เกี่ยวพันกัน การมองเห็นเครือข่ายผ่านแผนภาพเดียวช่วยให้คุณรู้ว่า บริษัทที่ดูสุภาพอาจมีความสัมพันธ์กับธุรกิจที่ต้องระวัง หรือมีผู้ถือหุ้นร่วมกับบริษัทที่มีข้อสงสัย
สุดท้าย สิ่งที่กำหนดเส้นทางของธุรกิจไม่ได้อยู่แค่ในเอกสารรายชื่อผู้ถือหุ้น แต่คือ อำนาจ ความสัมพันธ์ และกลยุทธ์ที่ซ่อนอยู่หลังเครือข่ายทั้งหมด และ Linkage คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณมองเห็นความจริงเหล่านี้ได้ชัดเจนอย่างที่วิธีเดิมไม่สามารถทำได้
การเข้าใจเครือข่ายผู้ถือหุ้นและกรรมการร่วม คือหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงฟอกเงินของธุรกิจ ในยุคที่โครงสร้างซับซ้อน การใช้นอมีนี การซ่อนตัวผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง และทุนจีนเทาไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การพึ่งพาแค่ข้อมูลพื้นฐานจึงไม่เพียงพอ
แต่ข่าวร้ายก็มีข่าวดี ธุรกิจสามารถปกป้องตัวเองได้ ด้วยการลงทุนในเครื่องมือและกระบวนการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายและชื่อเสียง แต่ยังสร้างความมั่นใจให้คู่ค้า นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมการของธุรกิจที่คุณเกี่ยวข้อง ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เครือข่ายองค์กรอย่างฟีเจอร์ Linkage บน Corpus X และหาคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันฟอกเงิน เพราะเมื่อคุณเห็นเครือข่ายอย่างชัดเจน คุณก็มีหนทางป้องกันความเสี่ยงได้อย่างแท้จริง
ทดลองใช้ Corpus X ได้ฟรีวันนี้ เพื่อเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ในทุกเครือข่ายธุรกิจ และตัดสินใจอย่างมั่นใจด้วยข้อมูลที่โปร่งใส แม่นยำ และเข้มข้นกว่าที่เคย


