top of page

นอมินี (Nominee) ในธุรกิจ ใครอยู่เบื้องหลังและเสี่ยงแค่ไหน?

นอมินี คืออะไร และทำไมต้องระวัง

หากคุณกำลังพิจารณาร่วมลงทุนกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง คุณมั่นใจแค่ไหนว่าผู้ถือหุ้นที่เห็นบนกระดาษคือ เจ้าของตัวจริง?


“นอมินี (Nominee)” หรือผูู้ถือหุ้นตัวแทน อาจเป็นเพียงหน้าฉากของโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าที่คิด และอาจกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของการตัดสินใจทางธุรกิจ


สิ่งที่น่ากังวลคือ “ความเชื่อมโยงที่มองไม่เห็น” ระหว่างบริษัท ผู้ถือหุ้น และกรรมการ ซึ่งอาจปิดบังผลประโยชน์ทับซ้อน หรือความเสี่ยงทางกฎหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรายชื่อธรรมดา ๆ บนเอกสารจดทะเบียน หากไม่รู้ว่าใครคือ “เจ้าของจริง” คุณอาจกำลังทำธุรกิจกับเครือข่ายที่ไม่โปร่งใสโดยไม่รู้ตัว


แต่วันนี้…การตรวจสอบไม่จำเป็นต้องอาศัยแค่สัญชาตญาณอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์เครือข่ายธุรกิจที่ช่วยเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและผู้ถือหุ้นได้อย่างชัดเจน ทำให้คุณเห็นภาพรวมโครงสร้างธุรกิจจริง ก่อนตัดสินใจร่วมมือกับใครอย่างมั่นใจ


นอมินี คืออะไร และทำไมต้องระวัง


นอมินี (Nominee) หรือผู้ถือหุ้นตัวแทน คือ บุคคลหรือนิติบุคคลที่ถือหุ้นในนามของผู้อื่น โดยผู้ถือหุ้นที่แท้จริงไม่ปรากฏชื่อในเอกสารทางการ การใช้ระบบนอมินีมักพบในหลายประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีนักลงทุนต่างชาติหรือต้องการปกปิดตัวตนของเจ้าของจริง


ในประเทศไทย การใช้ผู้ถือหุ้นตัวแทนอาจเกิดขึ้นได้หลายกรณี เช่น นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการถือหุ้นในบางอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการที่ต้องการปกปิดความเป็นเจ้าของในหลายบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ


ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนอมินี

เมื่อคุณทำธุรกิจกับบริษัทที่มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นแบบนอมินี คุณอาจไม่ทราบว่าใครคือผู้ควบคุมจริงของบริษัท ซึ่งสิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและความปลอดภัยของธุรกิจคุณในหลายมิติ เช่น


  • ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ผู้ถือหุ้นจริงอาจมีส่วนได้เสียในหลายบริษัทหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจของบริษัทที่คุณทำงานด้วยอาจเอื้อประโยชน์ต่อคู่แข่งหรือกลุ่มธุรกิจอื่นโดยไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะประเมินจากเอกสารทางการเพียงอย่างเดียว

  • ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง การเชื่อมโยงกับผู้ถือหุ้นหรือกรรมการที่มีประวัติไม่ดี หรือเกี่ยวข้องกับคดีความ/การทุจริต สามารถส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทของคุณและความสัมพันธ์กับลูกค้า นักลงทุน หรือสถาบันการเงิน

  • การทุจริตหรือการหลีกเลี่ยงกฎหมาย โครงสร้างนอมินีซับซ้อนอาจถูกใช้เพื่อปกปิดการฟอกเงิน การเลี่ยงภาษี หรือการโยกย้ายผลประโยชน์อย่างไม่โปร่งใส หากไม่สามารถมองเห็นผู้ถือหุ้นตัวจริง ก็ยากที่จะตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมหรือความเสี่ยงทางกฎหมาย

  • ความไม่แน่นอนในการบริหาร เมื่อผู้ถือหุ้นตัวจริงซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง การคาดการณ์ทิศทางการตัดสินใจของบริษัทจะเป็นไปได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนธุรกิจ การอนุมัติโครงการ หรือการบริหารความเสี่ยง เพราะคุณไม่ทราบว่าใครมีอำนาจตัดสินใจและใครควบคุมกลยุทธ์หลักของบริษัท


ตัวอย่างเชิงสถานการณ์

สมมติว่าบริษัท A ใช้ นอมินีถือหุ้นแทนผู้ถือหุ้นจริงหลายราย และมีกรรมการบางคนทำหน้าที่กรรมการร่วมในบริษัท A และบริษัท B ซึ่งเป็นคู่แข่งหรือบริษัทในเครือเดียวกัน การตัดสินใจด้านงบประมาณ การอนุมัติโครงการ หรือการทำสัญญากับคู่ค้า อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ส่วนตัวของผู้ถือหุ้นตัวจริง การถือหุ้นไขว้ (Cross-holding) ระหว่างบริษัทยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเครือข่ายธุรกิจ เพราะเงินทุนหรือผลประโยชน์สามารถวนเวียนในกลุ่มเดียวกันจนซับซ้อน


การสังเกตและทำความเข้าใจโครงสร้างของนอมินี, การมีผู้ถือหุ้นตัวแทน หลายราย และกรรมการร่วม จะช่วยให้คุณประเมินความเสี่ยงเครือข่ายธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้น และสามารถวางกลยุทธ์ป้องกันได้ตั้งแต่ต้น


นอมินี คืออะไร และทำไมต้องระวัง

ผลกระทบของนอมินีต่อการบริหารความเสี่ยง


การมีผู้ถือหุ้นตัวแทน หรือนอมินี ในโครงสร้างบริษัทส่งผลกระทบต่อการบริหารความเสี่ยงในหลายมิติ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกรรมการร่วม และเครือข่ายธุรกิจที่ซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้ผู้บริหาร นักลงทุน และพันธมิตรไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างครบถ้วน


การมีกรรมการร่วม (Interlocking Directorate)

กรรมการร่วม (Interlocking Directorates) คือ กรณีที่สมาชิกคณะกรรมการบริษัทหนึ่งยังทำหน้าที่เป็นกรรมการหรือเข้าร่วมบริหารในบริษัทอื่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ แต่กฎหมายต่อต้านการผูกขาดกำหนดว่า การมีกรรมการร่วม ไม่ผิดกฎหมาย ตราบใดที่บริษัทเหล่านั้นไม่ได้แข่งขันกันโดยตรง


ที่ผ่านมา กรรมการร่วมเคยถูกจำกัดในบางกรณี เพราะสมาชิกเพียงไม่กี่คนอาจมีอำนาจควบคุมตลาดหรืออุตสาหกรรมเกินควร ซึ่งอาจทำให้เกิดการประสานราคา การเจรจาแรงงาน หรือการดำเนินธุรกิจในลักษณะไม่เป็นธรรมได้ อย่างไรก็ตาม การเป็นกรรมการร่วมไม่ได้ห้ามไม่ให้กรรมการของบริษัทหนึ่งเข้าร่วมคณะกรรมการของบริษัทลูกค้าหรือพันธมิตร


แม้ว่าจะยังมีโอกาสเกิดการสมรู้ร่วมคิดผ่านกรรมการร่วม แต่แนวโน้มล่าสุดของการกำกับดูแลบริษัท (Corporate Governance) ได้ลดความเสี่ยงเรื่องอิทธิพลที่เกินควรลง โดยคณะกรรมการมีบทบาทมากขึ้นในการคำนึงถึงจริยธรรม การบริหารความเสี่ยง และประเด็นสำคัญด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG)


เมื่อบุคคลคนเดียวกันดำรงตำแหน่งกรรมการร่วมในหลายบริษัท และใช้ระบบนอมินีเชื่อมโยงการถือหุ้น อาจเกิดสถานการณ์ที่ซ่อนเร้นและยากต่อการตรวจสอบ เช่น


  • อำนาจตัดสินใจซ้อนทับ การตัดสินใจของบริษัทหนึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่ออีกบริษัท โดยที่ผู้มีส่วนได้เสียภายนอกไม่ทราบหรือไม่สามารถเข้าใจทิศทางการบริหารได้

  • การโอนผลประโยชน์ไม่เป็นธรรม ผลประโยชน์อาจถูกย้ายระหว่างบริษัทในเครือหรือกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ทำให้เกิดความได้เปรียบไม่เสมอภาค และอาจละเมิดหลักธรรมาภิบาล

  • การแข่งขันที่บิดเบือนหรือผูกขาดตลาด การรวมอำนาจของกรรมการร่วมหลายบริษัทผ่านนอมินี อาจสร้างเงื่อนไขให้เกิดการผูกขาดหรือการแข่งขันไม่เป็นธรรมในตลาด


การถือหุ้นไขว้ (Cross-holding)

การถือหุ้นไขว้ (Cross Holding หรือ Cross Shareholding) คือ สถานการณ์ที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หนึ่งถือหุ้นจำนวนมากของบริษัทอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน หุ้นที่ถืออยู่ของบริษัทที่สองนี้เรียกว่า การถือหุ้นไขว้ของบริษัทแรก


การถือหุ้นไขว้อาจสร้างปัญหาในการประเมินมูลค่าของบริษัทสำหรับนักวิเคราะห์การเงิน เพราะอาจเกิดการนับมูลค่าซ้ำซ้อน (double counting) หากไม่ได้พิจารณาการถือหุ้นไขว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้การประเมินมูลค่าบริษัทไม่แม่นยำ


นอกจากนี้ การถือหุ้นไขว้ยังต้องนำมาพิจารณาเมื่อเกิดดีลการควบรวมกิจการหรือการซื้อกิจการ บริษัทที่ถือหุ้นของบริษัทอื่นจำนวนมากอาจมีสิทธิ์เพียงพอที่จะ ลงมติไม่เห็นด้วยกับดีลการควบรวม หรือเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของดีลที่บริษัทเป้าหมายกำลังพิจารณา


เมื่อบริษัท A ถือหุ้นในบริษัท B และบริษัท B ถือหุ้นกลับในบริษัท A ผ่านผู้ถือหุ้นตัวแทน จะเกิดความเสี่ยงเครือข่ายธุรกิจที่ซับซ้อนและตรวจสอบยาก ตัวอย่างผลกระทบได้แก่


  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เงินทุนอาจวนเวียนอยู่ภายในเครือเดียวกัน ทำให้หากบริษัทใดมีปัญหาทางการเงิน ผลกระทบอาจกระจายไปทั้งเครือ

  • ความเสี่ยงแบบโดมิโน การล้มละลายของบริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อบริษัทอื่น ๆ ในเครือข่าย ส่งผลต่อความมั่นคงของธุรกิจทั้งระบบ

  • การบิดเบือนข้อมูลทางการเงิน มูลค่าหุ้นอาจถูกพองขึ้นหรือบิดเบือนทางบัญชี ทำให้ผู้ลงทุนหรือธนาคารประเมินสถานะการเงินผิดพลาด


ความสัมพันธ์ของบริษัทที่ซ่อนเร้น

การใช้นอมินี หรือ ผู้ถือหุ้นตัวแทน อาจทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทหลายแห่งถูกปกปิด ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ความสัมพันธ์ของบริษัทที่ซ่อนเร้น (Hidden corporate relationships) ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบต่อการบริหารความเสี่ยงในหลายด้าน เช่น


  • ธนาคารและสถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงสินเชื่อผิดพลาด เมื่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นซับซ้อนและมีนอมินีอยู่เบื้องหลัง ธนาคารอาจไม่สามารถประเมินสถานะการเงินและความเสี่ยงของบริษัทได้ครบถ้วน เช่น หากบริษัทมีการถือหุ้นไขว้หรือกรรมการร่วมกับบริษัทอื่น เงินทุนหรือหนี้สินที่เชื่อมโยงอาจถูกมองข้าม ทำให้สินเชื่อที่อนุมัติมีความเสี่ยงสูงกว่าที่ประเมิน

  • หน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถบังคับใช้กฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ กฎระเบียบ เช่น การเปิดเผยผู้ถือหุ้นหรือการป้องกันการผูกขาด อาจใช้ตรวจสอบบริษัทได้ยากขึ้น หากมีผู้ถือหุ้นตัวแทนซ่อนตัวอยู่ การตรวจสอบว่าบริษัทใดเกี่ยวข้องกับใคร หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอย่างไร จึงซับซ้อนและล่าช้า ส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

  • คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจไม่สามารถประเมินความน่าเชื่อถือได้อย่างแม่นยำ สำหรับธุรกิจที่ต้องตัดสินใจทำสัญญาหรือร่วมทุน ความไม่โปร่งใสของโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมการร่วมทำให้ ประเมินความน่าเชื่อถือ และความมั่นคงทางการเงินของคู่ค้าได้ยากขึ้น อาจเกิดความเสี่ยงที่คู่ค้าจริง ๆ ถูกควบคุมโดยบุคคลหรือบริษัทที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้การร่วมธุรกิจเสี่ยงต่อการขัดแย้งหรือความเสียหายทางการเงิน


แม้โครงสร้างผู้ถือหุ้นนอมินีจะซับซ้อนและซ่อนเร้นเพียงใด ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมองไม่เห็นความจริงเบื้องหลัง การไม่รู้ว่าใครควบคุมบริษัทจริงอาจสร้างความเสี่ยงต่อธุรกิจ แต่วันนี้มีแนวทางที่จะช่วยให้คุณเปิดเผยความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นและกรรมการร่วมได้อย่างชัดเจน ทำให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยงและตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจ


ผลกระทบของนอมินีต่อการบริหารความเสี่ยง

ตรวจสอบผู้ถือหุ้นนอมินีด้วย Linkage


ในยุคที่ข้อมูลคือกุญแจสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจ ฟีเจอร์ Linkage ใน Corpus X จึงกลายเป็นเครื่องมือจำเป็นสำหรับผู้บริหาร นักลงทุน และผู้ประกอบการ ระบบนี้ช่วยให้คุณเห็นโครงสร้างความเป็นเจ้าของของบริษัทอย่างชัดเจนผ่านแผนภาพโครงข่าย แสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นตัวจริงและกรรมการ ทำให้คุณเข้าใจโครงสร้างอำนาจและความเชื่อมโยงที่ซ่อนอยู่ได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน


ฟีเจอร์ที่ช่วยเปิดเผยผู้ถือหุ้นจริง

  1. การวิเคราะห์โครงสร้างผู้ถือหุ้น Linkage สามารถติดตามผู้ถือหุ้นย้อนกลับหลายระดับ เพื่อค้นหาว่าใครคือผู้ถือหุ้นที่แท้จริงแม้จะมีนอมินีหลายชั้น

  2. การแสดงผลแบบ Network Diagram ระบบจะสร้างแผนภาพเครือข่ายที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท นิติบุคคล และการถือหุ้น ทำให้มองเห็นโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น

  3. การตรวจจับ Cross-holding Linkage สามารถระบุรูปแบบการถือหุ้นไขว้ที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อธุรกิจของคุณ

  4. การวิเคราะห์ Dual Network ระบบจะแสดงให้เห็นทั้งเครือข่ายการถือหุ้นและเครือข่ายกรรมการในภาพเดียว ช่วยให้คุณเข้าใจอำนาจการควบคุมที่แท้จริง


ตัวอย่าง Diagram ที่น่าสนใจ

สมมติว่าคุณกำลังพิจารณาทำธุรกิจกับบริษัท A โดยผ่าน Linkage คุณอาจพบว่า

  • บริษัท A มีผู้ถือหุ้นหลักคือบริษัท B ที่ถือหุ้น 60%

  • บริษัท B ถูกถือหุ้นโดยนาย X ผ่านนอมินี 3 ราย (ใช้เอามาปกปิดตัวเอง)

  • นาย X เป็นกรรมการในบริษัท C ซึ่งเป็นคู่แข่งของคุณ

  • บริษัท A และบริษัท C มีการถือหุ้นไขว้ผ่านบริษัท D


แค่นี้ก็พอบอกได้แล้วว่าข้อมูลธุรกิจของคุณอาจรั่วไหลไปหาคู่แข่ง หรือแย่กว่านั้น คุณอาจกำลังส่งงานให้เครือข่ายเดียวกันโดยไม่รู้ตัว


ตัวอย่างนอมิมีในธุรกิจ: เครือข่ายธุรกิจก่อสร้างที่ซ่อนเร้น


ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่แห่งหนึ่งได้รับคำขอสินเชื่อ 500 ล้านบาทจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดกลาง งบการเงินดูดีมาก มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี สินทรัพย์รวมกว่า 1,200 ล้านบาท และมีโครงการในมือเพียบ เจ้าหน้าที่สินเชื่อเกือบจะอนุมัติไปแล้ว แต่ก็พบข้อผิดผกติบางอย่าง


ปรากฏว่าบริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นตัวแทน 4 ราย ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เมื่อขุดลึกลงไปพบว่าทั้ง 4 รายล้วนเป็นนอมินีของกลุ่มบุคคลเดียวกัน และเชื่อมโยงกับอีก 5 บริษัทในธุรกิจก่อสร้างเช่นกัน รวมแล้วเป็นเครือข่าย 6 บริษัท


ที่น่าสนใจคือกรรมการร่วม 3 คน ที่หมุนเวียนดำรงตำแหน่งในทั้ง 6 บริษัทนี้ คนหนึ่งเป็นกรรมการใน 4 บริษัท อีกคนนั่ง 3 บริษัท ส่วนคนสุดท้ายอยู่ครบทั้ง 6 บริษัท นี่คือสัญญาณชัดเจนว่ามีคนกลุ่มเดียวกันควบคุมทั้งหมด


เมื่อวิเคราะห์โครงสร้างการถือหุ้นต่อ พบการถือหุ้นไขว้แบบวงกลม ตามนี้ บริษัท A ถือหุ้นบริษัท B 30%, บริษัท B ถือหุ้นบริษัท C 25%, และบริษัท C กลับมาถือหุ้นบริษัท A อีก 20% เงินทุนไม่ได้มาจากภายนอกจริงๆ แต่หมุนเวียนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ทำให้ฐานะการเงินดูแข็งแกร่งกว่าความเป็นจริง


ที่น่ากังวลที่สุดคือ เมื่อดึงข้อมูลลูกหนี้การค้า มาดู ปรากฏว่า 68% ของยอดลูกหนี้ทั้งหมดมาจากบริษัทใน 5 บริษัทพี่น้อง กล่าวคือ รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากลูกค้าภายนอก แต่เป็นการโอนงานให้กันและกันภายในเครือข่าย หากบริษัทใดบริษัทหนึ่งล้มละลาย ทั้ง 6 บริษัทจะล้มตามกันหมดแบบโดมิโน


เมื่อเห็นภาพชัดเช่นนี้ ธนาคารจึงตัดสินใจปฏิเสธคำขอสินเชื่อ เพราะความเสี่ยงที่แท้จริงไม่ใช่แค่บริษัทเดียว แต่เป็นความเสี่ยงของเครือข่ายทั้งหมดที่พันกันอยู่ หากอนุมัติไป เมื่อเกิดปัญหาธนาคารจะไม่สามารถเรียกเก็บหนี้ได้ เพราะสินทรัพย์ส่วนใหญ่ล็อคอยู่ในวงจรเดียวกัน


วิธีสังเกตเครือข่ายที่มีนอมินี (Nominee)


หากคุณกำลังพิจารณาทำธุรกิจกับบริษัทใหม่ หรือกำลังประเมินคู่ค้าที่มีอยู่ สัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณจับได้ว่ามีผู้ถือหุ้นตัวแทนหรือ นอมินี (Nominee) ซ่อนอยู่หรือไม่


1.ชื่อเดิมๆ ปรากฏซ้ำในหลายบริษัท

เริ่มจากการดึงรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทเป้าหมายมาดู แล้วลองค้นหาว่าคนเหล่านี้ถือหุ้นในบริษัทอื่นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน


ตัวอย่างที่พบบ่อย: นาย ก. ถือหุ้นในบริษัท X 15%, บริษัท Y 18%, และบริษัท Z 12% ทั้งสามบริษัททำธุรกิจคล้ายกัน และมีการทำงานร่วมกันบ่อย นี่อาจหมายความว่านาย ก. เป็นนอมินีของเจ้าของที่แท้จริงที่ต้องการควบคุมทั้งสามบริษัทโดยไม่ให้ใครรู้


วิธีตรวจสอบที่ใช้ได้จริง

ดึงข้อมูลจดทะเบียนธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วใช้ Excel หรือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลทำ cross-check ชื่อผู้ถือหุ้น สังเกตว่าบุคคลหรือนิติบุคคลที่ซ้ำกันมีการถือหุ้นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันหรือไม่ และหากเป็นนิติบุคคล ให้ขุดลงไปอีกชั้นว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลนั้น


2.ผู้ถือหุ้นเปลี่ยนบ่อย

หากพบว่าบริษัทมีการโอนหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่สัดส่วนการถือหุ้นรวมของกลุ่มคนไม่เปลี่ยนแปลง นี่อาจเป็นการหมุนเวียนนอมินีเพื่อไม่ให้มีใครติดตามทัน


ตัวอย่างที่น่าสงสัย: ปีที่แล้วผู้ถือหุ้น 30% คือนาย ข. ปีนี้เปลี่ยนเป็นนาง ค. แต่นาย ข. กลับไปถือหุ้นในบริษัทพี่น้องแทน หรือกลายเป็นกรรมการในบริษัทนั้นทันท


วิธีตรวจสอบที่ใช้ได้จริง

ขอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 3-5 ปี วาด Timeline แสดงการเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้นแต่ละราย สังเกตว่ามีผู้ถือหุ้นที่หายไปแล้วกลับมาใหม่หรือไม่ ตรวจสอบว่าผู้ถือหุ้นที่โอนให้กันมีความสัมพันธ์ใดๆ หรือไม่ (ญาติ, คนรู้จัก, หรือเคยเป็นกรรมการด้วยกัน) หากมีการโอนหุ้นมากกว่า 3 ครั้งภายใน 2 ปี ให้ถือว่าเป็น Red Flag


3.ที่อยู่เดียวกัน คนต่างกัน

นี่คือเทคนิคง่ายๆ ที่ใช้ได้ผลดีมาก เพียงแค่ดูที่อยู่ของผู้ถือหุ้นทุกราย หากพบว่า 3-4 รายใช้ที่อยู่เดียวกัน แต่มีชื่อคนละคน และถือหุ้นรวมกันเกือบครึ่งบริษัท นี่แทบจะยืนยันได้เลยว่าเป็นนอมินี


ตัวอย่างที่เจอจริง: บริษัทแห่งหนึ่งมีผู้ถือหุ้น 5 ราย ถือหุ้นรายละ 10-15% เมื่อตรวจสอบพบว่า 4 ใน 5 รายใช้ที่อยู่ตึกเดียวกัน ชั้นเดียวกัน แม้ชื่อจะต่างกัน ในความเป็นจริงคือบริษัททนายความที่รับทำนอมินีให้ลูกค้า


วิธีตรวจสอบที่ใช้ได้จริง

จัดเรียงรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดตามที่อยู่ ใช้ Google Maps ตรวจสอบว่าที่อยู่นั้นเป็นอาคารพาณิชย์, คอนโด, หรือบ้านเดี่ยว หากเป็นอาคารสำนักงาน ลองค้นหาว่ามีสำนักงานทนายความหรือบริษัทให้บริการนอมินีอยู่หรือไม่ ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ หากหลายคนใช้เบอร์เดียวกัน ยิ่งน่าสงสัย ดูว่าที่อยู่นั้นใช้เป็นที่ตั้งบริษัทอื่นๆ อีกกี่บริษัท ถ้ามากกว่า 10 บริษัท ควรระวังให้มาก


4.สัดส่วนหุ้นแปลกๆ ที่เท่ากันพอดี

ในโลกความจริง การที่ผู้ถือหุ้นหลายคนถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันพอดี หรือใกล้เคียงกันมากๆ เป็นเรื่องยากมาก เว้นแต่จะมีคนวางแผนตั้งแต่ต้น


ตัวอย่างที่น่าสงสัย: บริษัทมีผู้ถือหุ้น 5 ราย ถือหุ้นรายละ 19.9% พอดี เหลืออีก 0.5% ให้กรรมการจัดการ หรือกรณีที่พบว่าผู้ถือหุ้นรายย่อย 7-8 คนถือหุ้นคนละ 5% พอดีทุกคน


วิธีตรวจสอบที่ใช้ได้จริง

คำนวณสัดส่วนการถือหุ้นของทุกราย แล้วดูว่ามีรูปแบบซ้ำกันหรือไม่ สังเกตว่ามีการหลีกเลี่ยงเกณฑ์กฎหมายหรือไม่ เช่น ถือหุ้นไม่เกิน 20% เพื่อไม่ต้องรายงานต่อ ก.ล.ต. ตรวจสอบว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านี้มีฐานะทางการเงินพอที่จะลงทุนจริงหรือไม่ หากพบว่าผู้ถือหุ้นหลายรายเพิ่งจดทะเบียนบริษัทใหม่ก่อนมาถือหุ้น หรือไม่มีประวัติธุรกิจใดๆ มาก่อน



การทำความเข้าใจเรื่องนอมินีและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเป็นก้าวสำคัญในการบริหารความเสี่ยงธุรกิจสมัยใหม่ การที่ผู้ถือหุ้นตัวแทนปรากฏในโครงสร้างบริษัทไม่ได้หมายความว่าจะมีปัญหาเสมอไป แต่การไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง


Linkage ช่วยให้ผู้บริหาร นักลงทุน และสถาบันการเงินมองเห็นโครงสร้างอำนาจและเครือข่ายธุรกิจที่แท้จริง ไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงใด ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้และนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย คุณสามารถตัดสินใจทำธุรกิจด้วยข้อมูลครบถ้วน ลดความเสี่ยงจากคู่ค้าและพันธมิตร ปกป้องชื่อเสียงองค์กร ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้าน KYC และ AML อย่างมีประสิทธิภาพ


ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การมองเห็น “เครือข่ายของบริษัท” ไม่ใช่แค่เพื่อรู้ว่าใครเกี่ยวข้องกับใคร แต่คือการเปิดมุมมองใหม่ที่ช่วยให้คุณเห็น “โอกาสซ่อนอยู่” ในโครงสร้างธุรกิจ เริ่มต้นสำรวจความสัมพันธ์ของบริษัทได้ง่าย ๆ ด้วย ฟีเจอร์ Linkage บน Corpus X เพียงค้นชื่อบริษัท ระบบจะแสดงกราฟเชื่อมโยงธุรกิจทั้งหมดให้คุณเห็นในภาพเดียว ทดลองใช้ Corpus X ได้ฟรี วันนี้ เพื่อมองเห็นภาพรวมธุรกิจได้ชัดกว่าที่เคย

bottom of page