top of page

5 กลยุทธ์วิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจ แซงหน้าคู่แข่ง สู่ผู้นำตลาด

5 กลยุทธ์วิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจ

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือด การเข้าใจตลาดเพียงผิวเผินอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะ “ข้อมูลคู่แข่ง” คืออีกหนึ่งอาวุธลับที่ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่าเดิม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับกลยุทธ์วิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และทิศทางการเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ช่องทางการตลาด กลุ่มลูกค้า ไปจนถึงกลยุทธ์การตั้งราคา 


และที่สำคัญ คุณไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะเราจะพาคุณไปรู้จัก Corpus X เครื่องมือที่ช่วยให้การวิเคราะห์ธุรกิจและวิเคราะห์คู่แข่ง เป็นเรื่องง่าย แม่นยำ และใช้ได้จริง


5 กลยุทธ์วิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis)


1. วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ (Product Benchmarking)

การเปรียบเทียบสินค้าและบริการของคุณกับคู่แข่ง (Product Benchmarking) คือ กุญแจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้ในตลาด เพราะในโลกของการแข่งขันธุรกิจที่เข้มข้น สินค้าหรือบริการของคุณไม่ได้อยู่ลำพัง คู่แข่งแต่ละรายมีการตั้งราคาที่แตกต่าง เจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และประสบความสำเร็จในระดับที่ไม่เท่ากัน การวิเคราะห์เปรียบเทียบเชิงกลยุทธ์จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่ตรงไหนในตลาดเมื่อเทียบกับผู้อื่น 


Product Benchmarking คือกระบวนการวิเคราะห์ธุรกิจ โดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการวัดจากข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ (User engagement), ตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพ (KPIs) เพื่อให้เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คู่แข่งประสบความสำเร็จ หรืออะไรที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ธุรกิจคุณเดินซ้ำรอยความผิดพลาดเดิม 


เมื่อคุณเปรียบเทียบกับทั้งคู่แข่งในอุตสาหกรรม จะช่วยให้คุณได้ข้อได้เปรียบ ดังนี้ 

  • เข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 

  • เห็นภาพรวมของแนวโน้มในตลาด และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ 

  • ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจด้านผลิตภัณฑ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น 

  • ทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องผ่าน A/B Testing ที่มีข้อมูลรองรับ 

  • เร่งการพัฒนานวัตกรรมให้ทันตลาด และตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น 

  • ลดการอัตราสูญเสียลูกค้า (Churn Rate) และเพิ่มอัตราการนำไปใช้งานจริง (Adoption) 


2. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (Customer Profiling)

หนึ่งในคำถามสำคัญที่ธุรกิจควรถามเมื่อต้องการวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง คือ “ใครคือลูกค้าหลักของคู่แข่ง” การรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายหลักของคู่แข่ง ไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจว่าพวกเขาขายให้ใคร แต่ยังเปิดโอกาสให้เราหาจุดต่าง สร้างข้อได้เปรียบ และพัฒนากลยุทธ์ให้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่ช่วยตอบคำถามนี้ได้คือ “โปรไฟล์ลูกค้า (Customer Profile)” ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถรวบรวมได้จากทั้งธุรกิจของเราเองและของคู่แข่ง เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบและต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาด


โปรไฟล์ลูกค้า (Customer Profile) คือชุดข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้าในอุดมคติของคุณ เช่น ความสนใจ พฤติกรรมการซื้อ แรงจูงใจ และข้อมูลประชากร ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและตอบโจทย์แต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำในแต่ละโปรไฟล์ควรมีข้อมูลของลูกค้า เช่น

  • Pain Points ปัญหาหรือความท้าทายที่ลูกค้าเผชิญ

  • Interests ความสนใจ

  • Buying Patterns พฤติกรรมการซื้อสินค้า

  • Demographic Data ข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ รายได้ ฯลฯ

  • Motivations แรงจูงใจในการซื้อหรือใช้บริการ

  • Interaction History ประวัติการติดต่อหรือปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์

 

การเก็บข้อมูลโปรไฟล์ลูกค้าจะต่างกันไปตามประเภทธุรกิจ ได้แก่

  • B2B (Business-to-Business) โปรไฟล์ลูกค้าธุรกิจ B2B จะเน้นข้อมูลของ “องค์กร” ที่เป็นลูกค้า เช่น ขนาดของบริษัท, อุตสาหกรรม, ที่ตั้ง, รายได้หรือผลประกอบการ, กลุ่มเป้าหมายของบริษัทนั้น และรายชื่อผู้มีอำนาจตัดสินใจในองค์กร

  • B2C (Business-to-Consumer) โปรไฟล์ลูกค้า B2C จะเน้นที่ “บุคคล” เป็นหลัก โดยมักจะประกอบด้วยข้อมูล เช่น อายุ, เพศ, ไลฟ์สไตล์ และความชอบส่วนตัว

 

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ และสามารถนำไปใช้ในการปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้ตรงกลุ่ม, การสื่อสารด้วยข้อความที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม และการให้บริการหรือดูแลลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Support)


ตัวอย่างการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (Customer Profiling)

การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจร้านกาแฟในตัวเมืองแบบใช้ 6 ประเด็น ดังนี้

ข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย 

รายละเอียด 

Pain Points ปัญหาที่ลูกค้าเจอ 

  • ร้านกาแฟบางแห่งไม่มีทางเลือกเพื่อสุขภาพ เช่น กาแฟไม่มีน้ำตาลหรือใช้ plant-based milk 

  • ราคากาแฟระดับพรีเมียมสูงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ 

Interests ความสนใจ 

  • ชอบติดตามคอนเทนต์บน IG, TikTok เกี่ยวกับคาเฟ่และไลฟ์สไตล์ 

  • ชอบโปรโมชั่น เช่น 1 แถม 1 หรือเมนูพิเศษประจำเดือน 

Buying Patterns พฤติกรรมการซื้อสินค้า 

  • ซื้อกาแฟ 1–2 แก้วต่อวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าและบ่าย 

  • มักทดลองเมนูใหม่ถ้ามีภาพน่าทานหรือรีวิวดี 

Demographic Data ข้อมูลประชากร 

  • อายุ: 25–35 ปี 

  • เพศ: ชายและหญิง 

  • รายได้ต่อเดือน: 25,000–60,000 บาท 

  • การศึกษา: ปริญญาตรีขึ้นไป 

  • อาชีพ: พนักงานออฟฟิศ, ฟรีแลนซ์, เจ้าของกิจการ 

  • ที่พักอาศัย: เขตเมือง ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ 

Motivations แรงจูงใจในการซื้อ 

  • กาแฟช่วยเพิ่มพลังและความสดชื่นในการทำงาน 

  • มองว่ากาแฟพรีเมียมเป็นการให้รางวัลกับตัวเอง 

3. วิเคราะห์ช่องทางการตลาด (Channel Intelligence)

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การรู้แค่ว่าคู่แข่งขายอะไร อาจไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “เขาทำการตลาดผ่านช่องทางไหน” และ “ช่องทางไหนที่ได้ผลจริง”


การวิเคราะห์ช่องทางการตลาดของคู่แข่ง (Competitor Channel Analysis) คือ การศึกษาว่าคู่แข่งใช้ช่องทางใดในการเข้าถึงลูกค้า เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, Influencer, SEO, อีเมล, หรือโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าใจว่าเขาสื่อสารกับใคร ที่ไหน และอย่างไร 


ประเด็นสำคัญในการวิเคราะห์ช่องทางการตลาดของคู่แข่ง ได้แก่ 

  • คู่แข่งใช้ช่องทางไหนเป็นหลัก คู่แข่งของคุณมีเว็บไซต์ที่อัปเดตหรือไม่? ใช้ Facebook, Instagram, TikTok หรือ LINE OA เป็นหลัก? หรือเน้นการทำ SEO ให้ติดอันดับ Google 

  • ช่องทางไหนที่สร้าง Engagement ได้ดี ลองสังเกตโพสต์ที่มีคนไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์มาก รวมถึงบทความหรือวิดีโอที่มีคนเข้าชมสูง สิ่งเหล่านี้บอกได้ว่าลูกค้าเป้าหมายของคู่แข่งอยู่ที่ไหน 

  • คู่แข่งมีการยิงโฆษณาหรือไม่ เช็คว่าเขาใช้โฆษณาในช่องทางใด เช่น Facebook Ads, Google Ads, YouTube หรือเว็บไซต์พันธมิตร มีข้อความหรือภาพแบบไหนที่ใช้ดึงดูดลูกค้า 

  • คู่แข่งมีการทำแคมเปญร่วมกับใคร ดูว่าคู่แข่งร่วมมือกับ Influencer, Blogger หรือเว็บพันธมิตรใด เพื่อขยายฐานลูกค้า การทำ Partnership เหล่านี้อาจเป็นโอกาสหรือภัยคุกคามทางการตลาดของคุณ 

  • คู่แข่งสื่อสารจุดขายอะไรผ่านช่องทางนั้น ในแต่ละช่องทาง คู่แข่งเลือกเน้นจุดเด่นแบบไหน? เช่น ความเร็วในการจัดส่ง, ราคาถูก, หรือคุณภาพพรีเมียม สิ่งนี้ช่วยให้วิเคราะห์ "จุดแข็ง" และ "ช่องว่าง" ในตลาด


4. วิเคราะห์กลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategy)

วิเคราะห์กลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategy) คือกระบวนการเลือกจุดราคาทางกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากตลาดสินค้าหรือบริการเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางกลยุทธ์ทางการตลาดและกลยุทธ์ธุรกิจที่มุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 


วิธีการตั้งราคานี้มักใช้บ่อยในธุรกิจที่ขายสินค้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เนื่องจากบริการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ขณะที่ตัวสินค้าโดยทั่วไปยังคงใกล้เคียงกัน การตั้งราคาแบบแข่งขันจึงมักถูกเลือกใช้เมื่อราคาสินค้าหรือบริการในตลาดเริ่มเข้าสู่ระดับที่สมดุลแล้ว ซึ่งมักเกิดขึ้นในตลาดที่สินค้าเหล่านั้นมีวางจำหน่ายมานาน และมีสินค้าทดแทนจำนวนมาก 

 

ข้อดีของการตั้งราคาตามคู่แข่ง 

  • ช่วยเพิ่มหรือตอบโต้ส่วนแบ่งตลาดได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำตลาดหรือผู้เล่นหน้าใหม่ที่พยายามลดส่วนแบ่งของคู่แข่งที่มีฐานลูกค้าแน่น การตั้งราคาตามคู่แข่งช่วยดึงลูกค้าที่มีค่าจากคู่แข่งหรือรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ 

  • เมื่อใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สามารถเพิ่มกำไรได้ หากตั้งราคาถูกต้องและดึงดูดลูกค้าได้จำนวนมาก คุณก็สามารถทำกำไรจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นได้ 

  • ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ บางครั้งกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงแลกกับผลตอบแทนสูงอาจเหมาะสม แต่การลดความเสี่ยงถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด และการตั้งราคาตามคู่แข่งก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงนั้นได้


5. วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน (SWOT Competitor)

SWOT ย่อมาจาก จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ธุรกิจที่ใช้กำหนดแนวทางสู่ความสำเร็จของธุรกิจ สถานที่ อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบุคคล โดยช่วยระบุสิ่งที่องค์กรนั้นทำได้และทำไม่ได้ ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงชี้ให้เห็นว่ามีอะไรบ้างที่ขวางทางการบรรลุเป้าหมายของตน ซึ่งเหมาะสำหรับการวิเคราะห์คู่แข่ง และประเมินความพร้อมของธุรกิจในการเผชิญกับการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 


แต่ละส่วนของการวิเคราะห์ SWOT จะถูกใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการเปรียบเทียบกับแนวทางแก้ไขหรือคู่แข่งที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และความเสี่ยงที่แท้จริง การวิเคราะห์ SWOT มักถูกมองว่าเป็นการมองภาพรวมที่กว้างขึ้น เพราะช่วยให้เห็นว่าการบรรลุเป้าหมายเป็นไปได้หรือไม่ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักทำ SWOT เพื่อตรวจสอบข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบในการแข่งขันของตนเอง รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกลยุทธ์ธุรกิจให้ตอบโจทย์สถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วงเวลา


การวิเคราะห์ SWOT ที่ดีสามารถช่วยให้ธุรกิจได้รับโอกาส เช่น 

  • สำรวจความเป็นไปได้สำหรับความพยายามใหม่ ๆ หรือทางแก้ปัญหา 

  • ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ การระบุโอกาสความสำเร็จพร้อมกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยชี้แนะแนวทางและทางเลือกที่ชัดเจน 

  • กำหนดจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากธุรกิจของคุณอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน การสำรวจจุดแข็งและจุดอ่อนจะช่วยเผยลำดับความสำคัญและความเป็นไปได้ 

  • ปรับปรุงและแก้ไขแผนงานระหว่างทาง โอกาสใหม่อาจเปิดทางเลือกที่กว้างขึ้น ขณะที่ภัยคุกคามใหม่อาจปิดเส้นทางที่เคยมีอยู่


กลยุทธ์วิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจ

วิเคราะห์คู่แข่งง่ายขึ้นด้วย Corpus X B2B Data Analytics Platform 


การทำความเข้าใจคู่แข่งทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนกลยุทธ์ได้แม่นยำและแข็งแกร่งขึ้น ด้วยเครื่องมือ Corpus X คุณสามารถวิเคราะห์คู่แข่งได้อย่างครบถ้วนและรวดเร็วผ่านข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ดังนี้ 


1. โปรไฟล์บริษัทคู่แข่ง

ระบบช่วยดึงข้อมูลนิติบุคคลของคู่แข่งอย่างละเอียด เช่น ชื่อบริษัท เลขทะเบียนบริษัท และข้อมูลพื้นฐานอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อให้คุณมั่นใจว่ากำลังวิเคราะห์บริษัทที่ถูกต้องและมีข้อมูลครบถ้วน 


2. งบการเงินย้อนหลัง

คุณสามารถวิเคราะห์ภาพรวมทางการเงินของคู่แข่งได้จากงบการเงินย้อนหลังง ซึ่งจะช่วยให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนทางการเงิน เช่น กำไร ขาดทุน หรือกระแสเงินสด เพื่อประเมินความมั่นคงและความสามารถในการแข่งขันของคู่แข่ง 


3. ข้อมูลโครงสร้างธุรกิจ

Corpus X ช่วยให้คุณเห็นโครงสร้างองค์กรอย่างชัดเจน รวมถึงข้อมูลของกรรมการผู้มีอำนาจ และเครือข่ายบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ทำให้เข้าใจภาพรวมของการบริหารและพันธมิตรทางธุรกิจของคู่แข่งได้ดียิ่งขึ้น 


4. คู่ค้าของคู่แข่ง

ระบบวิเคราะห์ข้อมูลคู่ค้าของคู่แข่ง ทั้งซัพพลายเออร์และลูกค้าหลัก ทำให้คุณทราบว่าคู่แข่งมีพันธมิตรทางธุรกิจเป็นใครบ้าง ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้คุณวางแผนหาคู่ค้าหรือวางกลยุทธ์ตอบโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


5. พฤติกรรมการเปลี่ยนแปลง

ติดตามข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสำคัญของคู่แข่งง เช่น การเปลี่ยนชื่อบริษัท ที่ตั้งกรรมการ หรือทุนจดทะเบียน เพื่อให้คุณไม่พลาดการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน และสามารถปรับแผนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที


วิเคราะห์คู่แข่งง่ายขึ้นด้วย Corpus X B2B Data Analytics Platform

 

การวิเคราะห์คู่แข่ง ไม่ใช่แค่การรู้ว่า "เขาทำอะไร" แต่คือการเข้าใจว่า "เขาทำไปทำไม" และ "คุณจะปรับตัวอย่างไรให้ไปได้ไกลกว่า" ด้วย 5 กลยุทธ์หลักในการวิเคราะห์คู่แข่ง ทั้งด้านสินค้า ลูกค้า ราคา ช่องทาง และจุดแข็ง-จุดอ่อน คุณจะสามารถวางกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างชัดเจนและแตกต่าง 


และหากคุณต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมืออาชีพ Corpus X คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งจากงบการเงิน โครงสร้างธุรกิจ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของคู่แข่งในระบบนิติบุคคล 


อย่าปล่อยให้ข้อมูลคู่แข่งเป็นแค่เรื่องคาดเดา เปลี่ยนการตัดสินใจของคุณให้แม่นยำด้วย ทดลองใช้ Corpus X ฟรีวันนี้ เพื่อวิเคราะห์คู่แข่งแบบเจาะลึก ทั้งโปรไฟล์บริษัท งบการเงิน และพฤติกรรมทางธุรกิจ ในที่เดียว เริ่มต้นก่อน รู้มากกว่า พร้อมแข่งอย่างมั่นใจ 

bottom of page