top of page

เจาะลึกโครงสร้างเครือข่ายธุรกิจ เฉินจื้อ-ก๊ก อาน และเบน สมิธ

ree

เจาะลึก! โครงสร้างเครือข่ายธุรกิจ "เฉิน จื้อ" - "ก๊ก อาน" และ "เบน สมิธ" บริษัทต่างชาติทะเบียนไทย บริษัทถือหุ้นไขว้ ที่เต็มไปด้วยเบื้องหลังซ่อนอยู่ใต้พรม


จากกรณีข่าวที่คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติยึดและอายัดทรัพย์ของ “เฉิน จื้อ”, “ก๊ก อาน” และบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในรายงานอย่าง “เบน สมิธ” ภายหลังการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมที่อาจมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบตามรายงานของสำนักงาน ปปง. ในคดีสำคัญ 4 คดี รวมทรัพย์สิน 289 รายการ มูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท


กรณีนี้กลายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ภายในระบบธุรกิจไทยมีเครือข่ายธุรกิจซับซ้อนจำนวนมาก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น, โครงสร้างถือหุ้นไขว้, การใช้บุคคลเป็นนอมินี (Nominee) รวมถึงประเด็นสำคัญเรื่องการเปิดเผย UBO (Ultimate Beneficial Owner) ที่มักเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงทางการเงิน และกรณีศึกษาที่หน่วยงานรัฐต้องตรวจสอบ ในบางกรณีเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายเงินที่อาจเข้าข่ายฟอกเงินหรือมีรูปแบบธุรกรรมที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม


Corpus X จะพามาเจาะลึกความเชื่อมโยงของเครือข่ายธุรกิจซับซ้อน ผ่านฟีเจอร์ต่าง ๆ และฟีเจอร์ Lingkage ในแพลตฟอร์ม Corpus X ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อดูความเชื่อมโยงของธุรกิจ ความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้น สัดส่วนผู้ถือหุ้น การถือหุ้นไขว้ และข้อมูลต่าง ๆ เพื่อใช้สำหรับการทำธุรกิจ และการตัดสินใจก่อนปิดดีลสำคัญกับบริษัทต่าง ๆ ได้


ธุรกิจและเครือข่ายของ "นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi)"


จากรายงานของสำนักงาน ปปง. พบความเชื่อมโยง นายเฉิน จื้อ เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป จำกัด (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในประเทศกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในแต่ละคดี มีความเกี่ยวข้องกันและใช้วิธีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดโดยเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในแต่ละประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล


เมื่อตรวจสอบในฟีเจอร์ Linkage ของ Corpus X พบความเชื่อมโยงว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือของ "Prince Group" ของนายเฉิน จื้อ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทย จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 ในประเภทธุรกิจ ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ มีที่ตั้งอยู่ ณ อาคาร "ซิโน-ไทย ทาวเวอร์" มีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 4 คน ตามสัดส่วน ดังนี้


  • นายหวัง ยู่ ถัง (สัญชาติไต้หวัน) ถือหุ้น 49%,

  • นายพิภพ ประทุมวัลย์ ถือหุ้น 21%

  • นายปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ ถือหุ้น 20%

  • นายวุฒิชัย ประทุมวัลย์ ถือหุ้น 10%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 858,415.63 บาท

  • ขาดทุนสุทธิ - 4,284,763.19 บาท


บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นนายหน้าอสังหาฯ ในไทย โดยจะส่งข้อมูลโครงการต่าง ๆ ไปให้บริษัทในเครือที่ไต้หวันและสหราชอาณาจักร เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการโปรโมทหาลูกค้าต่างชาติ รวมถึงการลงข้อมูลที่อยู่สำนักงานของ บจก.ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนลในไทย บนเว็บไซต์ของ บจก.ปรินซ์ เรียล เอสเตท อินเวสเมนท์ ของไต้หวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้านั่นเอง


ธุรกิจและเครือข่ายของ "นายก๊ก อาน (MR.KOK AN)"


จากรายงานของสำนักงาน ปปง. พบความเชื่อมโยงของนายก๊ก อาน เป็นลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายใหญ่ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการในราชอาณาจักรกัมพูชา มีขบวนการให้เจ้าของบัญชีม้าสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม โดยมีนายก๊ก อาน สัญชาติกัมพูชา เป็นเจ้าของสถานที่ มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร และนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาซื้อทรัพย์สิน ใช้ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจำนวนมากในประเทศไทย


มีการตรวจสอบพบว่า บุตรทั้ง 3 คนของ นายก๊ก อาน ได้แก่ น.ส.จุรี คล่องกิจกล, น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล และนายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ จำนวน 4 แห่ง ดังนี้


1.บริษัท เบรดครัมบ์ จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม มีผู้ถือหุ้น 3 คน ตามสัดส่วน ดังนี้

  • น.ส.จุรี คล่องกิจกล ถือหุ้น 51%

  • นายอลัน คาย-หลุน วู (สัญชาติอเมริกัน) ถือหุ้น 48%

  • น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล ถือหุ้น 1%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 37,900 บาท

  • กำไรสุทธิ 8,977.10 บาท


2.บริษัท ซีซี ดีเวลอปเมนท์ ทีเอช จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ กิจกรรมของสำนักงานจัดหางานหรือตัวแทนจัดหางานอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ มีผู้ถือหุ้น 2 คน ตามสัดส่วน ดังนี้

  • น.ส. จุรี คล่องกิจกล ถือหุ้น 70%

  • นายยูเชียง เจีย (สัญชาติกัมพูชา) ถือหุ้น 30%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 4,318,339.28 บาท

  • กำไรสุทธิ 86,272.98 บาท


3. บริษัท ไดมอนด์ ทรี จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ไม่ใช่ เพื่อเป็นที่พักอาศัย มีผู้ถือหุ้น 3 คน ตามสัดส่วน ดังนี้


  • น.ส. ภูเฌอหลิน คล่องกิจกุล ถือหุ้น 60%

  • ด.ญ. พริศฐีณ ฤทธี ถือหุ้น 20%

  • ด.ช. เบนจามิน ฤทธี ถือหุ้น 20%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 1,655,129.27 บาท

  • กำไรสุทธิ 561,003.72 บาท


4.บริษัท ไห่ ทั่ว นิว เอ็นเนอร์จี วีฮิเคิล จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ การขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน มีผู้ถือหุ้น 2 คน ตามสัดส่วน ดังนี้

  • นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล ถือหุ้น 51%

  • นายหลงเฟ่ย ซู (สัญชาติจีน) ถือหุ้น 49%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 14.38 บาท

  • ขาดทุนสุทธิ -345,566.71 บาท


นอกจากนี้ ยังพบว่า มีบริษัทอีกจำนวน 2 แห่ง ที่จดทะเบียนยกเลิกกิจการ ทั้งที่ก่อตั้งได้ไม่ถึง1 ปี ได้แก่ บริษัท ฟุลเลอร์ตัน วัลเลย์ จำกัด และ บริษัท ซีโอเจ ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด


ธุรกิจและเครือข่ายของ "นายสมิธ เบน (MR. SMITH BEN)" หรืออีกชื่อ "นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์"


ตามรายงานของสำนักงานปปง. ระบุว่ามีธุรกรรมระหว่างบริษัทหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับชื่อนายเบน สมิธ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อพิจารณาว่ามีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือไม่ โดยรายงานดังกล่าวไม่ได้สรุปว่าเป็นการกระทำความผิดของบุคคลใด แต่เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่หน่วยงานกำลังตรวจสอบเพิ่มเติม


มีการตรวจสอบพบว่า นายเบน สมิธ ปัจจุบันใช้สัญชาติกัมพูชา และอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีบุตร 3 คน ที่เกิดจากหญิงสาวชาวไทย โดยในรายงานของปปง. ซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะ ระบุว่ามีเงินฝากจำนวนหนึ่งในบัญชีของเขา และนอกจากนี้พบว่าภรรยา มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท ตามข้อมูลด้านล่าง


น.ส. แคทรียา บีเวอร์ (ภรรยา) เป็นกรรมการ บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ กิจกรรมบริการเพื่อการบริหารสำนักงานแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีผู้ถือหุ้น 2 คน ตามสัดส่วน คือ น.ส. แคทรียา บีเวอร์ (ภรรยานายเบน) ถือหุ้น 99.9950% และน.ส. ชณิดาภา ประดิษฐสิน ถือหุ้น 0.0050%


โดยมีผลประกอบการในปี 2567 ดังนี้

  • รายได้รวม 840,219.57 บาท

  • ขาดทุนสุทธิ -7,737,653.88 บาท


จากข้อมูลของธุรกิจเหล่านี้ ถือเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับคนทำธุรกิจในการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ ซึ่งสามารถใช้ฟีเจอร์ Linkage ใน Corpus X สำหรับการตรวจสอบโครงสร้างเครือข่ายธุรกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งความสัมผู้ถือหุ้น สัดส่วนผู้ถือหุ้น การถือหุ้นไขว้ เช็กความเสี่ยงให้ครบทุกมิติ เช่น ผู้ถือหุ้นต่างชาติมีชื่อซ้ำหลายบริษัท เส้นทางทุน ความโปร่งใสของบริษัท และในแง่อื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงเหมือนในกรณนี้ได้


กรณีของ “เฉิน จื้อ – ก๊ก อาน – เบน สมิธ” ทำให้เราเห็นว่า เบื้องหลังบริษัทหนึ่ง อาจมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งผู้ถือหุ้นต่างชาติ นอมินี กรรมการร่วม หรือเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงหลายชั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่คนทั่วไป มองไม่เห็นจากหน้าเว็บบริษัทหรือเอกสารที่คู่ค้าส่งมาให้


ปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องรอผู้เชี่ยวชาญหรือรอให้เกิดปัญหาก่อนถึงจะรู้ความจริง เพราะเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ เครือข่ายธุรกิจ, ความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้น, UBO และโครงสร้างถือหุ้นไขว้ ถูกออกแบบมาให้คนทั่วไปใช้งานได้เองแล้ว แค่ใส่ชื่อบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระบบก็ช่วยดึงความเชื่อมโยงทั้งหมดออกมาให้เห็นแบบที่ปกติ “ต้องใช้เวลาหลายวัน” หรืออาจตรวจไม่ได้เลยหากไม่มีฐานข้อมูลครบถ้วน


ถ้าคุณต้องการลดความเสี่ยงก่อนปิดดีล ตรวจสอบคู่ค้าให้รอบด้าน หรืออยากรู้ว่าบริษัทที่คุณเกี่ยวข้องมีความเชื่อมโยงแบบไหนซ่อนอยู่ ลองใช้ฟีเจอร์ Linkage บน Corpus X เพื่อดูเครือข่ายธุรกิจของคู่ค้าหรือบุคคลที่คุณสนใจแบบภาพรวมในไม่กี่วินาที ทดลองใช้ Corpus X ฟรี แล้วคุณจะเห็นว่าความเสี่ยงหลายอย่าง จริง ๆ แล้วป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนทำสัญญา

bottom of page